ก๊อก ก๊อก...
ผมเลยจำใจต้องลุกไปเปิดประตูด้วยสภาพที่ดูไม่ค่อยจะได้ของผมเนี่ยแหละ
"ครับ..." ผมฝืนดวงตามองคนตรงหน้าผม ก็พบกับพี่คุมหอที่สนิทกัน แต่นั่นไม่ได้ดึงดูดสายตาผมเท่ากับคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่เขาหรอก
"ไอ้โอ...เพิ่งตื่นหรือไงห้ะ" พี่คุมหอเห็นสภาพผมแล้วอดหัวเราะไม่ได้ "พารูมเมทใหม่แกมาให้นะ...ชื่อ น้องที ฝากดูแลน้องเขาด้วยนะ" พี่คุมหอขยับตัวหลบให้ผมเห็นหน้าเขาชัดๆ แต่ต่อให้เขาไม่ขยับผมก็มองเห็นอยู่แล้ว ในเมื่อน้องทีสูงกว่าพี่เขามากเลยต่างหาก! ขนาดผมมองยังต้องแหงนหน้าเลย....
ตึกตัก...ตึกตัก....
"เข้ามาสิ.." ผมเดินเข้ามานั่งบนเตียงตัวเอง ปล่อยให้อีกคนเดินตามเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างเหมือนพวกนักกีฬาบาสไม่มีผิด "นายชื่อทีใช่มั้ย? อยู่ปีอะไรละ?" ผมเอ่ยถามแม้ทั้งๆในใจรู้คำตอบอยู่แล้วละนะ...
"ผมอยู่ปี 1 ครับ...พี่?" เขาวางกระเป๋าแล้วตอบ สายตาเขามองผมเป็นเชิงถาม
"พี่ชื่อ โอ อยู่ปี 2 นะ...มีอะไรก็ถามละกัน ว่าแต่..ข้าวของมีแค่นี้เหรอ?" ผมมองไปที่กระเป๋าสะพายกีฬา แล้วก็กล่องขนาดกลางอีก 1 ใบ มันน้อยเกินไปอยู่นะ...ในความคิดผมละนะ..
"ข้าวของที่เหลือจะเอามาวันพรุ่งนี้นะครับ."
"โอเค ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ รูมเมทคนใหม่" ผมยื่นมือไปตรงหน้าเด็กหนุ่ม เขามองผมเล็กน้อย
"เช่นกันครับ" มือใหญ่ยื่นมาจับมือตอบ เขามองผมนิ่งๆ รอยยิ้มสักรอยก็ยังไม่มีเลย
ตึกตัก...ตึกตัก...
ผ่านมาหลายวัน...ผมกับทีก็ยังอยู่ด้วยกันไม่มีปัญหาอะไร ไม่สิต้องบอกว่า ผมอาจจะเป็นปัญหาก็ได้ 5555 เอาตรงๆ ผมเป็นคนสกปรกเล็กน้อย จริงๆนะ!!! ผมแค่ไม่ชอบเก็บของให้เข้าที่เข้าทางใช้แล้วก็โยนไว้นั้นแหละ ไว้อยากเก็บก็เก็บ แต่น้องทีไม่ใช่นี้สิ เขาเป็นสะอาดจริงๆ ตอนแรกเขาแทบจะไม่แตะข้าวของผมเลย แต่แล้ววันหนึ่งสงสัยจะทนไม่ไหวซะละมั้ง เขาเดินมาหาผม
'พี่โอครับ พี่ไม่ชอบเก็บของใช่มั้ย?' เขาถามผมตรงๆทำเอาเหงื่อตกเลย
'ก็ไม่เชิง...พี่แค่....ไม่ชอบเก็บนะแหละ' ตอนแรกก็กะจะแก้ตัว แต่พอสบตาจริงจังของทีแล้วผมก็ไม่กล้าเลยละครับ
หลังจากวันนั้นเท่านั้นแหละครับ ข้าวของที่เคยรกทั้งบนโต๊ะ เตียง ใต้เตียง สะอาดเรียบร้อย แม้กระทั่งเสื้อผ้าในตู้ปกติผมจะโยนๆมันกองรวมกันนั้นแหละครับ ถูกพับเรียบร้อยวางเป็นระเบียบ ไม่เว้นแม้แต่....กางเกงลิงของผม -..-
แต่ผมก็เกรงใจมันนะ พอเข้าไปบอกว่าจะทำอะไรเอง ก็โดนตอกหน้ากลับมา
'อย่าดีกว่าครับ ผมจัดการให้จะเรียบร้อยกว่า ถึงพี่โอจะทำเดี๋ยวผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์พี่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม วางทิ้งเรี่ยราดเหมือนเดิม สู้ให้ผมเก็บให้ตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่านะครับ ผมไม่คิดว่าพี่จะเปลี่ยนตัวเองได้เร็วขนาดนั้นหรอก' แถมยกยิ้มมุมปากส่งท้ายเสียด้วย ทำเอาผมฮึดฮัดสักหน่อย เหมือนโดนด่ากลายๆ
'และถ้าให้ดี ผมก็ไม่อยากเก็บกวาดให้พี่ฟรีๆหรอกนะครับ ดังนั้นเพื่อเป็นขอแลกเปลี่ยน พี่ต้องติวก่อนสอบให้ผม ช่วยผมทำงานส่งอาจารย์นะครับ ตามนี้...' พอพูดเสร็จก็เดินออกห้อง ปล่อยให้ผมยืนตาค้าง เฮ้ย! ผมยังไม่ได้ตอบรับอะไรเลยนะ! แต่ผมก็....โอเคครับ ทำไงได้.......ยอมแล้ว
โอเค ตัดมาปัจจุบันเถอะนะครับ ตอนนี้ทีกำลังนั่งทำงานเงียบๆ ส่วนผมก็นอนเสียบหูฟังอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ ชักจะเริ่มหิวแล้วสิ...
"ที หิวยัง?" ผมลุกเดินไปถามเจ้าตัวที่เขียนยุกยิก เขามองหน้านาฬิกาตั้งโต๊ะก่อนจะวางปากกา
"อืม...เริ่มหิวแล้วครับ" ทีบิดขี้เกียจนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อกันหนาวมาสวม
"....ถ้ายังไม่เสร็จเดี๋ยวพี่ซื้อขึ้นมาให้ดีกว่าไหม?" ผมเหลือบมองงานที่น้องทำแล้ว ท่าทางจะเหลืออีกเยอะแหะ
"ไม่ละครับ ลงไปกินดีกว่า" เขาส่งยิ้มมา ทำให้ผมต้องรีบไปหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่แก้เขินนิดๆ น้องมันหล่อ! สาวๆในมหาลัยตามกรี๊ดเพียบ แต่เจ้าตัวกลับไม่อยากได้แฟน. ผมละไม่เข้าใจจริงๆ
พวกผมเดินออกมาจากหอ เนื่องด้วยหอผมเป็นหอที่สร้างก่อนหลังอื่นๆเลยได้สิทธิ์ใกล้ทางไปมาของทางเข้าหอ พอเดินไปสักนิดก็จะเจอตลาดนัดที่มักจะจัดขึ้นทุกวัน แต่ก็ถือว่าดีสำหรับผมที่ชอบออกมาหาซื้ออะไรกินมื้อดึกละนะ ผมลากโอไปที่ร้านอาหารประจำของตัวเอง พอไปถึงก็มองหาโต๊ะว่างและก็นั่งลง
"อ้าว โอมากินข้าวเหรอ?" กัน เพื่อนคณะเดียวกันต่างสาขาเดินมาทักผม เขาเป็นลูกเจ้าของร้านอาหารร้านนี้แหละ พวกผมสนิทกันตั้งแต่ค่ายรับน้องปี 1 นะแหละ "กินเหมือนเดิมไหม?"
"อืม เอาเหมือนเดิม ทีจะเอาอะไร?" ผมหันไปถามน้องที่มองหน้าไอ้กัน ดวงตาที่คมหรี่ลงเหมือนจ้องจับผิดไหงงั้น "ที...มีอะไรหรือเปล่า?" ผมถามน้องอีกครั้งเหมือนจะเพิ่งรู้ตัว เขาเลยส่ายหน้าให้ผม
"เปล่าครับ...ผมเอาข้าวผัดกะเพราละกัน" ทีบอกโดยไม่หันไปมอง กันจดเมนูก่อนจะเดินไปส่งให้ ทีหันหน้าไปมองอย่างอื่่นก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม "พี่โอรู้จักกับพี่คนนั้นนานแล้วเหรอครับ?"
"อืม...ก็ไม่นานนักหรอกรู้จักกันตอนรับน้องนะ" ผมอมยิ้มนิดๆตอนที่นึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พวกผมได้สนิทกันขึ้นมา คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่ตาก็ดันดีทันเห็นตอนตาคมเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง...หรือผมคิดไปเองกันนะ ช่างมันเถอะ
ไม่นานนักกันก็เอาข้าวมาเสิร์ฟ พวกผมก็ลงมือกินโดยไม่พูดจาอะไรให้มากความ ผมกินเร็วและกินเยอะแต่ไม่อ้วนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน วันหนึ่งแทบจะกิน 5 มื้อด้วยซ้ำไป พอมองไปที่โอ รายนั้นค่อยๆกินท่าทางเหมือนคนไม่ค่อยหิวข้าวแต่ก็กินจนหมด พอเสร็จก็พากันกลับห้อง ผมไปถึงก็นอนแผ่บนเตียงไม่นานก็หลับไป ในขณะที่โอกลับไปนั่งทำงานต่อ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"เฮ้ย ไอ้โอแกไหวมั้ย?" เสียงไอ้แป้น สาวทอมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่ผมพยายามพาตัวเองมาเรียนคาบแรกจบ ก็แทบจะนอนฟุบไปกับโต๊ะเรียน เมื่อเช้าก็ดันตื่นสายมาแทบจะไม่ทันเลยไม่ได้หยิบเสื้อกันหนาวมาด้วย แล้ว....อาจารย์กะจะให้ห้องเป็นขั๊วโลกเหนือเลยเหรอครับ! ทำไมเปิดแอร์เย็นขนาดนี้!
"ไหว....." ผมพูดไปเบาๆพลางกอดตัวเอง ปลายนิ้วเย็นเฉียบผมว่าถ้าแบมือมาดูรับรองว่าต้องเห็นฝ่ามือขาวซีดแน่ๆ ทุกวันนี้ผมก็ขาวจนจะซีดอยู่แล้วนะ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งกับมืออุ่นๆที่มาแตะลงหน้าผาก
"แกไม่สบายนี่...กลับหอเหอะ ดูท่าแกจะไม่ไหวนะ" แป้นพูดด้วยความเป็นห่วง อุณหภูมิร่างกายของคนตรงหน้ามันเยอะจนน่าแปลกใจ ในห้องเย็นๆแต่ตัวคนร้อนขนาดนี้ ถ้าไม่เป็นไข้แล้วจะเป็นอะไร.. "ลุกๆ เดี๋ยวไปส่งที่หอ คาบบ่ายเดี๋ยวฉันมาจดเผื่อ" แป้นพยายามพยุงผมให้เดินไปช้าๆ ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันมากกว่า 10 เซนติเมตร ถ้าทำได้แป้นคงจะโยนผมลงเกวียนและลากไปคงจะเร็วกว่า
"เอ่อ....พี่โอเป็นอะไรเหรอครับ?" เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัวแต่ผมปวดหัวเกินกว่าจะเงยขึ้น ตอนนี้ผมหนาวมากลมข้างนอกก็พัดแถมท้องฟ้าเมฆก็เยอะไม่แปลกที่อากาศจะเย็นมากกว่าเดิม ทั้งๆที่เป็นช่วงเวลาเกือบเที่ยง...
"นายเป็นใคร?" ผมได้ยินเสียงแป้นเบาลงเรื่อยๆ ผมปวดหัว ปวดตา ง่วง และไม่อยากยืนแล้ว อยากจะลงไปนอนกองกับพื้นให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ คิดแค่นั้นผมก็รู้สึกว่าตัวเองเบาขึ้น ผมพยายามฝืนตาลืมขึ้น ก็เห็นหน้ามืดๆไม่ชัด
"เอาเสื้อคลุมไว้ครับ" ใครสักคนเอาเสื้อกันหนาวมาคลุมให้ อุ่นจัง....ผมซุกเข้าหาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมหนาวต้องการความอุ่นแบบมากๆเลยละ แล้วผมก็หลับลึกลงไปโดยไม่รู้่ตัว
แต่แล้วผมก็โดนปลุกให้มากินข้าว กินยา แถมมีคนเช็ดตัวให้.....ฝันเหรอ....ที่น้องทีจะมาทำอะไรให้ผมแบบนั้น ผมปรือตามองเขินๆ ถึงจะเป็นแค่ฝันแต่ผมก็มีความสุขมากๆเลยละ สำหรับผมในตอนนี้
"...ที..." ผมส่งเสียงเรียกเบาๆ ตอนนี้ผมรู้สึกแสบคอน้อยกว่าเดิมแล้วละ ทีเดินมานั่งบนเตียงผม เขาลูบหัวผมเบาๆ ผมชอบจังเลยมันอบอุ่นมากกว่าที่เคยคิดไว้ "...ขอกอดได้ไหม?" ผมถามอย่างไม่อาย จะอายทำไมละครับ ก็แค่ฝัน ผมเห็นทีแอบชะงักมือที่ลูบหัวผม ท่าทางจะไม่ได้...
"รีบนอนเถอะครับ...จะได้หาย" ทีล้มตัวนอนลงข้างๆและก็ดึงผมเข้าไปกอด อุ่นจนร้อนเลยละคงเพราะผมไม่สบายนะแหละ ผมเอื้อมมือไปกอดเขาราวกับอ้อน มือของเขาก็ยังลูบหัวผมเบาๆ
"ที..." ผมเรียกชื่อเขา พอเงยหน้าไปมองก็เห็นว่าเขามองหน้าอยู่ ผมส่งรอยยิ้มให้พร้อมกับจูบปากเขาเบาๆ "ขอบคุณที่ดูแลนะ" ผมว่าแค่นั้นก็กอดเขาแน่นแล้วก็นอนหลับไป โดยไม่ได้คิดเอะใจอะไร
ผมตื่นมา ทีก็ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว....ทำให้ผมรู้สึกดีเพราะฝันนั้นนะแหละ.....เขินเป็นบ้า!!! ทำไมผมถึงกล้าทำอะไรแบบนั้นด้วย ยิ่งคิดแล้วผมก็ยิ่งอายตัวเอง ถึงมันจะเป็นฝันก็เถอะนะ! หลังจากวันนั้นทีก็เป็นปกติ แต่เหมือน....ทีจะแปลกๆไป แบบ.....ไม่ใช่เหินห่างมากขึ้นอะไรนะ แต่เหมือน...จะยิ่งเข้ามามากกว่าเดิมเนี่ยสิ!!!!
"พี่โอครับ....ผมซื้อน้ำเต้าหู้อยู่บนโต๊ะนะครับ" ทีเรียกผมที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานส่งอาจารย์ พอผมเงยก็ต้องรีบหลบตาไป ทีเพิ่งออกไปวิ่งมาใส่เสื้อกีฬาแขนกุดสีเขียวแต่กลับขับผิวขาวของเขาให้เด่น แต่เหงื่อที่ไหล่มาตามขมับมันยิ่งทำให้....ช่างมันเถอะ
"อ่า...ขอบใจนะ ไปอาบน้ำเถอะ" ผมก้มลงไปทำงานต่อ แต่หูก็ได้ยินเสียงประตูปิด เดาว่าทีคงเข้าไปอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ผมฟุบหน้าลงกับงานที่ทำ สติสตังหายไปกับสายลมอ่อนๆที่มาจากพัดลม "เฮ้ออออออ..." แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ ตอนเช้าไปวิ่งก็จะซื้อน้ำเต้าหูมา พอตอนเที่ยงก็จะถามว่ากินที่ไหนอะไรยังไง ตอนเย็นก็จะชวนไปกินข้าวบ่อยๆ ซึ่งมันแปลกไง...ปกติไม่เยอะขนาดนี้ อีกอย่างทีอยู่ปี 1 กิจกรรมมันเยอะ เขาก็ยังหาเวลามากินข้าวกับผมจนได้ แม้จะบอกว่า ไม่จำเป็น เขาก็ยืนยันว่าจะมากินกับผมให้ พอถามเหตุผลก็เงียบ อะไรฟ่ะ......สิ่งที่ผมทำได้คือ....ปล่อยมันไป เลทอิดโกนะครับ....(let it go)
เขาทำแบบนี้ ดีใจก็ดีนะครับ...แต่สภาวะหัวใจเฉียบพลันเหมือนกันนะครับ!!!
"พี่โอครับ วันนี้พี่จะไปมหาลัยไหมครับ?" ที ที่แต่งตัวเรียบร้อยเสร็จแล้วเดินมาข้างหลังโอแล้วก้มลงถามใกล้ๆ ทำเอาโอสะดุ้งสุดตัว
"เฮ้ย! ไอ้ที!" โอแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ ถ้าทีไม่ได้จับเอาไว้คงหัวฟาดพื้นสักครั้งเนี่ยแหละ "อย่าทำแบบนี้สิ....สะดุ้งหมด" โอถูหูข้างซ้ายรัวๆ ใบหน้าเริ่มมีริ้วสีแดงขึ้นมานิดหน่อย ทีมองเงียบๆเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่า 'ตอบผมก่อนสิ' ทำเอาโอกัดปากนิดหน่อย "ไปตอนบ่ายๆ...."
"......ผมเลิกเรียน 11.30" ทีบอกแค่นั้นก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย "อย่าลืมกินน้ำเต้าหู้นะครับ เดี๋ยวจะเจ็บท้องเอา" พูดจบก็เปิดประตูออกไปเรียน ผมพยายามสงบสติทำงานส่งให้เสร็จแล้วก็รีบวิ่งไปหาเพื่อนๆที่ผมโทรเรียกให้รีบมากันแบบด่วนๆ เพื่อที่จะระบายความรู้สึกในตอนนี้
"โอ๊ยยย มึง กูไม่ไหวแล้ววว!!!" ผมพูดได้แค่นั้นแหละ ก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะหินอ่อน ถ้าร้องไห้ได้ผมคงทำไปแล้วละ แต่คงทำไม่ได้ แถมยังได้ยินเสียงถอนหายใจจากเพื่อนที่นั่งข้างๆด้วย
"มึงควรจะคิดได้ตั้งแต่ที่พี่เขามาบอกมึงละนะ.." หนุ่มแว่น ศิลา เหลือบมองแบบไม่ไยดี แต่ก็จริงอย่างที่มันบอกล่ะนะ ทำไมตอนแรกผมไม่ย้ายห้องไปซะ! ฮือออออออ
"ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้นี่หว่า...." ผมทำหน้าบูดใส่ศิลา แต่มันก็ถอนหายใจแล้วเอาหนังสือนวนิยายอังกฤษเล่มหนาตบหัวผมเบาๆ....เบาๆของมันคือหนักมากกกกกก "โอ๊ย! ไอ้ศิลา มันเจ็บนะ" ผมถูหัวเบาๆ
"หัดเจ็บ...หัดจำซะบ้าง...นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วนะ
น้องไม่โทรตามไง?" ศิลาถามผมอย่างสงสัย
ปกติก่อนจะกินข้าว ทีจะโทรมาถามผมก่อนเสมอว่าอยู่ตรงไหน จะได้เดินมาหาถูก
“ไม่รู้ดิ แปลกเหมือนกันแหะ”
พอสิ้นคำพูดผมปุ๊ปก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เป็นโทรศัพท์ของผมเองที่ดังขึ้นมา
พอเห็นชื่อคนโทรเข้าก็รีบรับโดยแอบขำกับใบหน้าหน่ายๆของศิลา ‘เพิ่งถามหาทำไมตายยากนัก’
“ว่าไงที?” ผมรับแล้วก็เอ่ยทักมันก่อนเลย
/พี่อยู่ไหนครับ?/
ทีเอ่ยถามนิ่ง
“อยู่ใต้ตึกคณะพี่นะ”
/ตอนนี้ผมอยู่หน้าโรงอาหารแล้วครับ/
เออ...แปลกจริงเว้ยเฮ้ย
“โอเค เดี๋ยวพี่ไปหาล่ะกัน”
พอว่าจบก็วางสายโดยไม่ได้ฟังอะไรเพิ่มเติม
ให้เดาต่อให้ผมถือสายอยู่ก็คงได้ยินแค่คำว่า ‘อืม’ แล้วก็วางสายไปก่อน
ผมรีบเก็บของที่อยู่บนโต๊ะอีกนิดหน่อย “เฮ้ย กูไปโรงอาหารก่อนนะ ไอ้ทีไปรอแล้ว”
ผมสะพายกระเป๋าแล้วก็รีบลุกออกไป โรงอาหารกับคณะผมก็ไม่ได้ไกลกันมากหรอกครับ
แต่ถ้าเดินไปก็เสียไปหลายนาทีเหมือนกัน
ผมพยายามก้าวเท้าให้ยาวที่สุดเท่าที่จะก้าวได้ พอไปถึงหน้าโรงอาหารก็เจอทียืนรออยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าโรงอาหาร
“ที.....” พอผมอ้าปากจะตะโกนเรียก
ก็เห็นว่ามีผู้หญิงเดินเข้าไปทักที ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ท่าทางน่าจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ท่าทางน่ารักไม่เบาเลยล่ะ
แต่แล้วผมก็ต้องตะลึงนิ่งไปชั่วครู่ เมื่อที..............ยิ้ม..............
..........ตึกตัก...........
ผมเคยบอกไปแล้วใช่มั้ยว่า ทีเป็นคนนิ่งเฉย
ดังนั้นหน้าก็เลยนิ่งไปด้วย รอยยิ้มที่จะเผยออกมานั้นไม่บ่อยมากอาจจะถึงขั้นใบหน้าคงแข็งโป๊กจนขยับไม่ได้ซะละมั้ง
แม้กระทั่งผมเอง ก็เพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบนี้เป็นครั้งแรกนี้เอง
เสียงหัวใจที่อยู่ๆก็ดังขึ้นมารอบหนึ่งก่อนจะหายไปเหลือเพียงอาการปวดหนึบที่อกซ้ายทิ้งไว้เบาบาง
ผมยืนมองทั้งสองคนคุยกันไปอีกสักพักก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะแยกตัวออกไป
ทีก็หันมาเจอผมพอดีเลยเดินเข้ามาหาผมซะงั้น
“พี่โอมานานหรือยังครับ?”
ทีพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ น้ำเสียงก็ยังนิ่ง แต่เสียงนั้นช่วยดึงผมออกจากพะวัง
“ไม่นานๆ
เพิ่งมาถึงเห็นนายคุยกับเพื่อนอยู่เลยไม่ได้ไปหา” ผมโบกมือ พร้อมส่งรอยยิ้มให้
“มาถึงแล้วน่าจะเดินมาหาผมเลยนะครับ” ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม
เหมือนผมจะรู้สึกว่าตาของทีแอบฉายแววหงุดหงิดนิดหน่อย
ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องไหนก็เถอะ แต่ก็คงเกี่ยวข้องกับผมนะแหละ
“โอเค
ไปกินข้าวกันเถอะ” ผมว่าแล้วก็รีบก้าวเท้าเข้าโรงอาหาร
ในตอนนี้ผมยังไม่อยากคุยกับทีไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม เพราะความรู้สึกเจ็บอกที่เริ่มค่อยๆออกอาการมันทำให้ผมแทบจะเปลี่ยนสีหน้าไปตามอารมณ์ตัวเอง
เท้าก็ไปยืนเบียดกับแถวร้านก๋วยเตี๋ยวที่ชอบกินบ่อยๆในโรงอาหาร
แต่ด้วยความที่ว่าที่นี่เป็นโรงอาหารส่วนกลางดังนั้นเด็กมหาลัยส่วนมากมักจะพากันมากินข้าวเที่ยง
ผมเลยถูกเบียดจนแทบจะออกจากแถวจนต้องฝืนตัวเองให้มากที่สุด
ก่อนที่จะอดได้กินข้าวเที่ยง
แต่ก็ยังแพ้พ่ายกับแรงที่ดันมาจนเดินออกแถวแต่ก็มีคนมาดึงแขนเอาไว้ทำให้ผมไม่ต้องไปจูบพื้นโชว์ชาวบ้าน
พอหันไปดูก็พบว่าทียืนต่อแถวอยู่ข้างหลังผมนี่เอง
“พี่จะเอาอะไร?”
ทีถามโดยที่มือยังจับแขนผมอยู่ เอ่อ....ผมยืนเองได้แล้วไม่ต้องจับก็ได้มั้ง
“หมี่เหลืองต้มยำหมู”
ผมก็บ้าจี้ไปตอบตามมันทำไมละเนี่ย
“....พี่ไปหาที่นั่งเถอะครับ
เดี๋ยวผมซื้อให้” ทีเดินขยับไปทีละนิดๆแต่มันก็ตัวใหญ่นี่หว่า
ต่อให้ถูกเบียดยังไงก็คงไม่โดนดันออกจากแถวง่ายๆ
ผมกะจะปฏิเสธแต่พอมองไปที่นั่งก็ต้องจำยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้
คนเยอะเพราะฉะนั้นต้องไปจองที่ก่อนที่จะไม่มีที่นั่งกินข้าว
ผมเลยเดินออกจากแถวไปซื้อน้ำที่ร้านคนน้อยมาก
แล้วก็หาโต๊ะนั่งสองคนสบายๆก่อนที่จะรอที ระหว่างรอก็หยิบโทรศัพท์มาเช็คแอพที่คนเข้าบ่อยมากที่สุด
นั่นก็คือ เฟสบุ๊ค ตอนแรกก็ดูแจ้งเตือนแต่ก็ตาก็ดันไปเห็นเฟสของใครบางคนซะก่อน
เลยถือโอกาสแอบส่อง
ปกติผมก็ไม่ได้เข้ามาเล่นมันบ่อยๆดังนั้นการตามข่าวสารในโซเชียลก็ออกจะช้ากว่าชาวบ้านไปนานโขเลย
เฟสของทีแทบจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
ส่วนใหญ่จะเป็นรูปกิจกรรมต่างๆที่ร่วมแล้วเพื่อนถ่ายรูปก็นำมาแท็กหน้าเฟส
บางครั้งก็เจ้าตัวโพสสั้นๆไม่มาก ช่างเป็นเฟสที่ไม่มีอะไรเด่นเอาซะเลย
แต่ว่าผมก็เผลอไปสะดุดกับโพสอันหนึ่งเข้า
TT Supachae
น่ารัก
ถูกใจ 158 ความคิดเห็น 3
พอดูวันที่ก็ผ่านมาไม่นานนี่เอง....อยู่ๆในหัวผมก็นึกถึงน้องผู้หญิงที่คุยกับทีก่อนเข้ามาในโรงอาหารซะงั้น
ใช่คนที่เขาพูดถึงหรือเปล่า หรือว่าพูดถึงสิ่งของ สิ่งที่เจอในวันนั้น
ยิ่งคิดใจก็ยิ่งเจ็บแปล็บตามไปด้วย ไม่ชอบเลยแบบนี้
สมองก็คิดนั่นคิดนี้จนกระทั่งถ้วยก๋วยเตี๋ยวมาวางไว้ตรงหน้านะแหละถึงได้เงยหน้าจากโทรศัพท์
“อ่า...ขอบคุณนะ”
ผมขอบคุณเขาแล้วก็รับตะเกียบมาคีบเส้นเข้าปาก ไม่ต้องถามว่าทำไมผมไม่จ่ายเงินให้ที
เพราะตั้งแต่มากินด้วยกันเนี่ย ทีไม่เคยให้ผมจ่ายเองเลยนะ
น้องบอกว่าให้ผมติวก่อนสอบให้ก็พอ ไม่งั้นบางทีข้าวมื้อเย็นก็จะเป็นผมจ่ายบ้างเป็นครั้งคราว
ถือว่าหายกันไป
แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ว่า....เหมือนน้องมันจ่ายเยอะอยู่ดีแหละฟ่ะ..
มาต่อสั้นๆไม่ยาว เพราะแอบอู้งานอยู่ 5555 ยังไงก็ติชมเม้นหน่อยนะ
ส่วนเรื่องยาว รอสิ้นเดือน พ.ค.ก่อนนะครับ จะตามมาลง <3
ความคิดเห็น