My Roommate is My Love [Yaoi] - My Roommate is My Love [Yaoi] นิยาย My Roommate is My Love [Yaoi] : Dek-D.com - Writer

    My Roommate is My Love [Yaoi]

    ตั้งแต่วันนั้น...ที่มึงเข้ามาอยู่กับกู...ชีวิตที่กูเคยคิดว่ามันจะสงบสุขกลับต้องปั่นป่วนเพราะมึงคนเดียว แล้วสิ่งที่กูคิดมาตลอด มันจะเผยให้มึงรู้ไหมเนี่ย!!??

    ผู้เข้าชมรวม

    561

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    561

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    16
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 เม.ย. 60 / 01:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
                        

    My Roommate is My Love 
    ผมได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงและหนัง
    เลยทำให้คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้นะครับ


    เตือน!!!
    เป็นนิยาย ชาย x ชาย
    หากคุณรับไม่ได้ เลื่อนเม้าส์ไปที่ x มุมขวาบนเลยครับ


    ขอบคุณธีมสวยๆนะครับ



    ขอบคุณตัวละครน่ารักๆ

    © themy  butter
    R.Neko ฮับ ยินดีต้อนรับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน หากมีผิดพลาดยังไง ก็ติชมได้นะฮับ ^O^
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

           "เฮ้อ....ง่วงแหะ" พอผมเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วก็โยนกระเป๋าลงบนเตียงและก็ตามด้วยตัวเอง ในขณะที่ผมกึ่งหลับกึ่งตื่นได้ที่อยู่ก็มีเสียงเข้ามารบกวนเวลานอนของผม

           ก๊อก ก๊อก...
       
           ผมเลยจำใจต้องลุกไปเปิดประตูด้วยสภาพที่ดูไม่ค่อยจะได้ของผมเนี่ยแหละ 
       
          "ครับ..." ผมฝืนดวงตามองคนตรงหน้าผม ก็พบกับพี่คุมหอที่สนิทกัน แต่นั่นไม่ได้ดึงดูดสายตาผมเท่ากับคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่เขาหรอก 
       
          "ไอ้โอ...เพิ่งตื่นหรือไงห้ะ" พี่คุมหอเห็นสภาพผมแล้วอดหัวเราะไม่ได้ "พารูมเมทใหม่แกมาให้นะ...ชื่อ น้องที ฝากดูแลน้องเขาด้วยนะ" พี่คุมหอขยับตัวหลบให้ผมเห็นหน้าเขาชัดๆ แต่ต่อให้เขาไม่ขยับผมก็มองเห็นอยู่แล้ว ในเมื่อน้องทีสูงกว่าพี่เขามากเลยต่างหาก! ขนาดผมมองยังต้องแหงนหน้าเลย....
       
          ตึกตัก...ตึกตัก....
       
          "เข้ามาสิ.." ผมเดินเข้ามานั่งบนเตียงตัวเอง ปล่อยให้อีกคนเดินตามเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างเหมือนพวกนักกีฬาบาสไม่มีผิด "นายชื่อทีใช่มั้ย? อยู่ปีอะไรละ?" ผมเอ่ยถามแม้ทั้งๆในใจรู้คำตอบอยู่แล้วละนะ...
       
          "ผมอยู่ปี 1 ครับ...พี่?" เขาวางกระเป๋าแล้วตอบ สายตาเขามองผมเป็นเชิงถาม
       
          "พี่ชื่อ โอ อยู่ปี 2 นะ...มีอะไรก็ถามละกัน ว่าแต่..ข้าวของมีแค่นี้เหรอ?" ผมมองไปที่กระเป๋าสะพายกีฬา แล้วก็กล่องขนาดกลางอีก 1 ใบ มันน้อยเกินไปอยู่นะ...ในความคิดผมละนะ..
       
          "ข้าวของที่เหลือจะเอามาวันพรุ่งนี้นะครับ." 
       
          "โอเค ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ รูมเมทคนใหม่" ผมยื่นมือไปตรงหน้าเด็กหนุ่ม เขามองผมเล็กน้อย
       
          "เช่นกันครับ" มือใหญ่ยื่นมาจับมือตอบ เขามองผมนิ่งๆ รอยยิ้มสักรอยก็ยังไม่มีเลย 
       
          ตึกตัก...ตึกตัก...



           ผ่านมาหลายวัน...ผมกับทีก็ยังอยู่ด้วยกันไม่มีปัญหาอะไร ไม่สิต้องบอกว่า ผมอาจจะเป็นปัญหาก็ได้ 5555 เอาตรงๆ ผมเป็นคนสกปรกเล็กน้อย จริงๆนะ!!! ผมแค่ไม่ชอบเก็บของให้เข้าที่เข้าทางใช้แล้วก็โยนไว้นั้นแหละ ไว้อยากเก็บก็เก็บ แต่น้องทีไม่ใช่นี้สิ เขาเป็นสะอาดจริงๆ ตอนแรกเขาแทบจะไม่แตะข้าวของผมเลย แต่แล้ววันหนึ่งสงสัยจะทนไม่ไหวซะละมั้ง เขาเดินมาหาผม

           'พี่โอครับ พี่ไม่ชอบเก็บของใช่มั้ย?' เขาถามผมตรงๆทำเอาเหงื่อตกเลย 

           'ก็ไม่เชิง...พี่แค่....ไม่ชอบเก็บนะแหละ' ตอนแรกก็กะจะแก้ตัว แต่พอสบตาจริงจังของทีแล้วผมก็ไม่กล้าเลยละครับ 

           หลังจากวันนั้นเท่านั้นแหละครับ ข้าวของที่เคยรกทั้งบนโต๊ะ เตียง ใต้เตียง สะอาดเรียบร้อย แม้กระทั่งเสื้อผ้าในตู้ปกติผมจะโยนๆมันกองรวมกันนั้นแหละครับ ถูกพับเรียบร้อยวางเป็นระเบียบ ไม่เว้นแม้แต่....กางเกงลิงของผม -..- 

            แต่ผมก็เกรงใจมันนะ พอเข้าไปบอกว่าจะทำอะไรเอง ก็โดนตอกหน้ากลับมา

            'อย่าดีกว่าครับ ผมจัดการให้จะเรียบร้อยกว่า ถึงพี่โอจะทำเดี๋ยวผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์พี่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม วางทิ้งเรี่ยราดเหมือนเดิม สู้ให้ผมเก็บให้ตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่านะครับ ผมไม่คิดว่าพี่จะเปลี่ยนตัวเองได้เร็วขนาดนั้นหรอก' แถมยกยิ้มมุมปากส่งท้ายเสียด้วย ทำเอาผมฮึดฮัดสักหน่อย เหมือนโดนด่ากลายๆ

            'และถ้าให้ดี ผมก็ไม่อยากเก็บกวาดให้พี่ฟรีๆหรอกนะครับ ดังนั้นเพื่อเป็นขอแลกเปลี่ยน พี่ต้องติวก่อนสอบให้ผม ช่วยผมทำงานส่งอาจารย์นะครับ ตามนี้...' พอพูดเสร็จก็เดินออกห้อง ปล่อยให้ผมยืนตาค้าง เฮ้ย! ผมยังไม่ได้ตอบรับอะไรเลยนะ! แต่ผมก็....โอเคครับ ทำไงได้.......ยอมแล้ว

            โอเค ตัดมาปัจจุบันเถอะนะครับ ตอนนี้ทีกำลังนั่งทำงานเงียบๆ ส่วนผมก็นอนเสียบหูฟังอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ ชักจะเริ่มหิวแล้วสิ...

             "ที หิวยัง?" ผมลุกเดินไปถามเจ้าตัวที่เขียนยุกยิก เขามองหน้านาฬิกาตั้งโต๊ะก่อนจะวางปากกา

             "อืม...เริ่มหิวแล้วครับ" ทีบิดขี้เกียจนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อกันหนาวมาสวม

             "....ถ้ายังไม่เสร็จเดี๋ยวพี่ซื้อขึ้นมาให้ดีกว่าไหม?" ผมเหลือบมองงานที่น้องทำแล้ว ท่าทางจะเหลืออีกเยอะแหะ

             "ไม่ละครับ ลงไปกินดีกว่า" เขาส่งยิ้มมา ทำให้ผมต้องรีบไปหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่แก้เขินนิดๆ น้องมันหล่อ! สาวๆในมหาลัยตามกรี๊ดเพียบ แต่เจ้าตัวกลับไม่อยากได้แฟน. ผมละไม่เข้าใจจริงๆ
         
             พวกผมเดินออกมาจากหอ เนื่องด้วยหอผมเป็นหอที่สร้างก่อนหลังอื่นๆเลยได้สิทธิ์ใกล้ทางไปมาของทางเข้าหอ พอเดินไปสักนิดก็จะเจอตลาดนัดที่มักจะจัดขึ้นทุกวัน แต่ก็ถือว่าดีสำหรับผมที่ชอบออกมาหาซื้ออะไรกินมื้อดึกละนะ ผมลากโอไปที่ร้านอาหารประจำของตัวเอง พอไปถึงก็มองหาโต๊ะว่างและก็นั่งลง 
       
             "อ้าว โอมากินข้าวเหรอ?" กัน เพื่อนคณะเดียวกันต่างสาขาเดินมาทักผม เขาเป็นลูกเจ้าของร้านอาหารร้านนี้แหละ พวกผมสนิทกันตั้งแต่ค่ายรับน้องปี 1 นะแหละ "กินเหมือนเดิมไหม?" 

             "อืม เอาเหมือนเดิม ทีจะเอาอะไร?" ผมหันไปถามน้องที่มองหน้าไอ้กัน ดวงตาที่คมหรี่ลงเหมือนจ้องจับผิดไหงงั้น "ที...มีอะไรหรือเปล่า?" ผมถามน้องอีกครั้งเหมือนจะเพิ่งรู้ตัว เขาเลยส่ายหน้าให้ผม

             "เปล่าครับ...ผมเอาข้าวผัดกะเพราละกัน" ทีบอกโดยไม่หันไปมอง กันจดเมนูก่อนจะเดินไปส่งให้ ทีหันหน้าไปมองอย่างอื่่นก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม "พี่โอรู้จักกับพี่คนนั้นนานแล้วเหรอครับ?" 

             "อืม...ก็ไม่นานนักหรอกรู้จักกันตอนรับน้องนะ" ผมอมยิ้มนิดๆตอนที่นึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พวกผมได้สนิทกันขึ้นมา คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่ตาก็ดันดีทันเห็นตอนตาคมเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง...หรือผมคิดไปเองกันนะ ช่างมันเถอะ

              ไม่นานนักกันก็เอาข้าวมาเสิร์ฟ พวกผมก็ลงมือกินโดยไม่พูดจาอะไรให้มากความ ผมกินเร็วและกินเยอะแต่ไม่อ้วนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน วันหนึ่งแทบจะกิน 5 มื้อด้วยซ้ำไป พอมองไปที่โอ รายนั้นค่อยๆกินท่าทางเหมือนคนไม่ค่อยหิวข้าวแต่ก็กินจนหมด พอเสร็จก็พากันกลับห้อง ผมไปถึงก็นอนแผ่บนเตียงไม่นานก็หลับไป ในขณะที่โอกลับไปนั่งทำงานต่อ


      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

           "เฮ้ย ไอ้โอแกไหวมั้ย?" เสียงไอ้แป้น สาวทอมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่ผมพยายามพาตัวเองมาเรียนคาบแรกจบ ก็แทบจะนอนฟุบไปกับโต๊ะเรียน เมื่อเช้าก็ดันตื่นสายมาแทบจะไม่ทันเลยไม่ได้หยิบเสื้อกันหนาวมาด้วย แล้ว....อาจารย์กะจะให้ห้องเป็นขั๊วโลกเหนือเลยเหรอครับ! ทำไมเปิดแอร์เย็นขนาดนี้! 

            "ไหว....." ผมพูดไปเบาๆพลางกอดตัวเอง ปลายนิ้วเย็นเฉียบผมว่าถ้าแบมือมาดูรับรองว่าต้องเห็นฝ่ามือขาวซีดแน่ๆ ทุกวันนี้ผมก็ขาวจนจะซีดอยู่แล้วนะ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งกับมืออุ่นๆที่มาแตะลงหน้าผาก

            "แกไม่สบายนี่...กลับหอเหอะ ดูท่าแกจะไม่ไหวนะ" แป้นพูดด้วยความเป็นห่วง อุณหภูมิร่างกายของคนตรงหน้ามันเยอะจนน่าแปลกใจ ในห้องเย็นๆแต่ตัวคนร้อนขนาดนี้ ถ้าไม่เป็นไข้แล้วจะเป็นอะไร.. "ลุกๆ เดี๋ยวไปส่งที่หอ คาบบ่ายเดี๋ยวฉันมาจดเผื่อ" แป้นพยายามพยุงผมให้เดินไปช้าๆ ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันมากกว่า 10 เซนติเมตร ถ้าทำได้แป้นคงจะโยนผมลงเกวียนและลากไปคงจะเร็วกว่า 

            "เอ่อ....พี่โอเป็นอะไรเหรอครับ?" เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัวแต่ผมปวดหัวเกินกว่าจะเงยขึ้น ตอนนี้ผมหนาวมากลมข้างนอกก็พัดแถมท้องฟ้าเมฆก็เยอะไม่แปลกที่อากาศจะเย็นมากกว่าเดิม ทั้งๆที่เป็นช่วงเวลาเกือบเที่ยง...

            "นายเป็นใคร?" ผมได้ยินเสียงแป้นเบาลงเรื่อยๆ ผมปวดหัว ปวดตา ง่วง และไม่อยากยืนแล้ว อยากจะลงไปนอนกองกับพื้นให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ คิดแค่นั้นผมก็รู้สึกว่าตัวเองเบาขึ้น ผมพยายามฝืนตาลืมขึ้น ก็เห็นหน้ามืดๆไม่ชัด

            "เอาเสื้อคลุมไว้ครับ" ใครสักคนเอาเสื้อกันหนาวมาคลุมให้ อุ่นจัง....ผมซุกเข้าหาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมหนาวต้องการความอุ่นแบบมากๆเลยละ แล้วผมก็หลับลึกลงไปโดยไม่รู้่ตัว 

            แต่แล้วผมก็โดนปลุกให้มากินข้าว กินยา แถมมีคนเช็ดตัวให้.....ฝันเหรอ....ที่น้องทีจะมาทำอะไรให้ผมแบบนั้น ผมปรือตามองเขินๆ ถึงจะเป็นแค่ฝันแต่ผมก็มีความสุขมากๆเลยละ สำหรับผมในตอนนี้

            "...ที..." ผมส่งเสียงเรียกเบาๆ ตอนนี้ผมรู้สึกแสบคอน้อยกว่าเดิมแล้วละ ทีเดินมานั่งบนเตียงผม เขาลูบหัวผมเบาๆ ผมชอบจังเลยมันอบอุ่นมากกว่าที่เคยคิดไว้  "...ขอกอดได้ไหม?" ผมถามอย่างไม่อาย จะอายทำไมละครับ ก็แค่ฝัน ผมเห็นทีแอบชะงักมือที่ลูบหัวผม ท่าทางจะไม่ได้...

            "รีบนอนเถอะครับ...จะได้หาย" ทีล้มตัวนอนลงข้างๆและก็ดึงผมเข้าไปกอด อุ่นจนร้อนเลยละคงเพราะผมไม่สบายนะแหละ ผมเอื้อมมือไปกอดเขาราวกับอ้อน มือของเขาก็ยังลูบหัวผมเบาๆ

            "ที..." ผมเรียกชื่อเขา พอเงยหน้าไปมองก็เห็นว่าเขามองหน้าอยู่ ผมส่งรอยยิ้มให้พร้อมกับจูบปากเขาเบาๆ "ขอบคุณที่ดูแลนะ" ผมว่าแค่นั้นก็กอดเขาแน่นแล้วก็นอนหลับไป โดยไม่ได้คิดเอะใจอะไร

           

           ผมตื่นมา ทีก็ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว....ทำให้ผมรู้สึกดีเพราะฝันนั้นนะแหละ.....เขินเป็นบ้า!!! ทำไมผมถึงกล้าทำอะไรแบบนั้นด้วย ยิ่งคิดแล้วผมก็ยิ่งอายตัวเอง ถึงมันจะเป็นฝันก็เถอะนะ! หลังจากวันนั้นทีก็เป็นปกติ แต่เหมือน....ทีจะแปลกๆไป แบบ.....ไม่ใช่เหินห่างมากขึ้นอะไรนะ แต่เหมือน...จะยิ่งเข้ามามากกว่าเดิมเนี่ยสิ!!!!

            "พี่โอครับ....ผมซื้อน้ำเต้าหู้อยู่บนโต๊ะนะครับ" ทีเรียกผมที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานส่งอาจารย์ พอผมเงยก็ต้องรีบหลบตาไป ทีเพิ่งออกไปวิ่งมาใส่เสื้อกีฬาแขนกุดสีเขียวแต่กลับขับผิวขาวของเขาให้เด่น แต่เหงื่อที่ไหล่มาตามขมับมันยิ่งทำให้....ช่างมันเถอะ
         
            "อ่า...ขอบใจนะ ไปอาบน้ำเถอะ" ผมก้มลงไปทำงานต่อ แต่หูก็ได้ยินเสียงประตูปิด เดาว่าทีคงเข้าไปอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ผมฟุบหน้าลงกับงานที่ทำ สติสตังหายไปกับสายลมอ่อนๆที่มาจากพัดลม "เฮ้ออออออ..." แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ ตอนเช้าไปวิ่งก็จะซื้อน้ำเต้าหูมา พอตอนเที่ยงก็จะถามว่ากินที่ไหนอะไรยังไง ตอนเย็นก็จะชวนไปกินข้าวบ่อยๆ ซึ่งมันแปลกไง...ปกติไม่เยอะขนาดนี้ อีกอย่างทีอยู่ปี 1 กิจกรรมมันเยอะ เขาก็ยังหาเวลามากินข้าวกับผมจนได้ แม้จะบอกว่า ไม่จำเป็น เขาก็ยืนยันว่าจะมากินกับผมให้ พอถามเหตุผลก็เงียบ อะไรฟ่ะ......สิ่งที่ผมทำได้คือ....ปล่อยมันไป เลทอิดโกนะครับ....(let it go)

            เขาทำแบบนี้ ดีใจก็ดีนะครับ...แต่สภาวะหัวใจเฉียบพลันเหมือนกันนะครับ!!! 

            "พี่โอครับ วันนี้พี่จะไปมหาลัยไหมครับ?" ที ที่แต่งตัวเรียบร้อยเสร็จแล้วเดินมาข้างหลังโอแล้วก้มลงถามใกล้ๆ ทำเอาโอสะดุ้งสุดตัว

            "เฮ้ย! ไอ้ที!" โอแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ ถ้าทีไม่ได้จับเอาไว้คงหัวฟาดพื้นสักครั้งเนี่ยแหละ "อย่าทำแบบนี้สิ....สะดุ้งหมด" โอถูหูข้างซ้ายรัวๆ ใบหน้าเริ่มมีริ้วสีแดงขึ้นมานิดหน่อย ทีมองเงียบๆเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่า 'ตอบผมก่อนสิ' ทำเอาโอกัดปากนิดหน่อย "ไปตอนบ่ายๆ...."

            "......ผมเลิกเรียน 11.30" ทีบอกแค่นั้นก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย "อย่าลืมกินน้ำเต้าหู้นะครับ เดี๋ยวจะเจ็บท้องเอา" พูดจบก็เปิดประตูออกไปเรียน ผมพยายามสงบสติทำงานส่งให้เสร็จแล้วก็รีบวิ่งไปหาเพื่อนๆที่ผมโทรเรียกให้รีบมากันแบบด่วนๆ เพื่อที่จะระบายความรู้สึกในตอนนี้

            "โอ๊ยยย มึง กูไม่ไหวแล้ววว!!!" ผมพูดได้แค่นั้นแหละ ก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะหินอ่อน ถ้าร้องไห้ได้ผมคงทำไปแล้วละ แต่คงทำไม่ได้ แถมยังได้ยินเสียงถอนหายใจจากเพื่อนที่นั่งข้างๆด้วย

            "มึงควรจะคิดได้ตั้งแต่ที่พี่เขามาบอกมึงละนะ.." หนุ่มแว่น ศิลา เหลือบมองแบบไม่ไยดี แต่ก็จริงอย่างที่มันบอกล่ะนะ ทำไมตอนแรกผมไม่ย้ายห้องไปซะ! ฮือออออออ

            "ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้นี่หว่า...." ผมทำหน้าบูดใส่ศิลา แต่มันก็ถอนหายใจแล้วเอาหนังสือนวนิยายอังกฤษเล่มหนาตบหัวผมเบาๆ....เบาๆของมันคือหนักมากกกกกก "โอ๊ย! ไอ้ศิลา มันเจ็บนะ" ผมถูหัวเบาๆ 

           "หัดเจ็บ...หัดจำซะบ้าง...นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วนะ น้องไม่โทรตามไง?" ศิลาถามผมอย่างสงสัย ปกติก่อนจะกินข้าว ทีจะโทรมาถามผมก่อนเสมอว่าอยู่ตรงไหน จะได้เดินมาหาถูก

           “ไม่รู้ดิ แปลกเหมือนกันแหะ” พอสิ้นคำพูดผมปุ๊ปก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เป็นโทรศัพท์ของผมเองที่ดังขึ้นมา พอเห็นชื่อคนโทรเข้าก็รีบรับโดยแอบขำกับใบหน้าหน่ายๆของศิลา เพิ่งถามหาทำไมตายยากนัก

            “ว่าไงที?” ผมรับแล้วก็เอ่ยทักมันก่อนเลย

            /พี่อยู่ไหนครับ?/  ทีเอ่ยถามนิ่ง

            “อยู่ใต้ตึกคณะพี่นะ”

            /ตอนนี้ผมอยู่หน้าโรงอาหารแล้วครับ/ เออ...แปลกจริงเว้ยเฮ้ย

            “โอเค เดี๋ยวพี่ไปหาล่ะกัน” พอว่าจบก็วางสายโดยไม่ได้ฟังอะไรเพิ่มเติม ให้เดาต่อให้ผมถือสายอยู่ก็คงได้ยินแค่คำว่า อืมแล้วก็วางสายไปก่อน ผมรีบเก็บของที่อยู่บนโต๊ะอีกนิดหน่อย “เฮ้ย กูไปโรงอาหารก่อนนะ ไอ้ทีไปรอแล้ว” ผมสะพายกระเป๋าแล้วก็รีบลุกออกไป โรงอาหารกับคณะผมก็ไม่ได้ไกลกันมากหรอกครับ แต่ถ้าเดินไปก็เสียไปหลายนาทีเหมือนกัน ผมพยายามก้าวเท้าให้ยาวที่สุดเท่าที่จะก้าวได้ พอไปถึงหน้าโรงอาหารก็เจอทียืนรออยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าโรงอาหาร

            “ที.....” พอผมอ้าปากจะตะโกนเรียก ก็เห็นว่ามีผู้หญิงเดินเข้าไปทักที ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางน่าจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ท่าทางน่ารักไม่เบาเลยล่ะ แต่แล้วผมก็ต้องตะลึงนิ่งไปชั่วครู่ เมื่อที..............ยิ้ม..............

            ..........ตึกตัก...........

            ผมเคยบอกไปแล้วใช่มั้ยว่า ทีเป็นคนนิ่งเฉย ดังนั้นหน้าก็เลยนิ่งไปด้วย รอยยิ้มที่จะเผยออกมานั้นไม่บ่อยมากอาจจะถึงขั้นใบหน้าคงแข็งโป๊กจนขยับไม่ได้ซะละมั้ง แม้กระทั่งผมเอง ก็เพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบนี้เป็นครั้งแรกนี้เอง เสียงหัวใจที่อยู่ๆก็ดังขึ้นมารอบหนึ่งก่อนจะหายไปเหลือเพียงอาการปวดหนึบที่อกซ้ายทิ้งไว้เบาบาง ผมยืนมองทั้งสองคนคุยกันไปอีกสักพักก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะแยกตัวออกไป ทีก็หันมาเจอผมพอดีเลยเดินเข้ามาหาผมซะงั้น

            “พี่โอมานานหรือยังครับ?” ทีพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ น้ำเสียงก็ยังนิ่ง แต่เสียงนั้นช่วยดึงผมออกจากพะวัง

            “ไม่นานๆ เพิ่งมาถึงเห็นนายคุยกับเพื่อนอยู่เลยไม่ได้ไปหา” ผมโบกมือ พร้อมส่งรอยยิ้มให้

            “มาถึงแล้วน่าจะเดินมาหาผมเลยนะครับ” ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม เหมือนผมจะรู้สึกว่าตาของทีแอบฉายแววหงุดหงิดนิดหน่อย ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องไหนก็เถอะ แต่ก็คงเกี่ยวข้องกับผมนะแหละ

            “โอเค ไปกินข้าวกันเถอะ” ผมว่าแล้วก็รีบก้าวเท้าเข้าโรงอาหาร ในตอนนี้ผมยังไม่อยากคุยกับทีไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม เพราะความรู้สึกเจ็บอกที่เริ่มค่อยๆออกอาการมันทำให้ผมแทบจะเปลี่ยนสีหน้าไปตามอารมณ์ตัวเอง เท้าก็ไปยืนเบียดกับแถวร้านก๋วยเตี๋ยวที่ชอบกินบ่อยๆในโรงอาหาร

           แต่ด้วยความที่ว่าที่นี่เป็นโรงอาหารส่วนกลางดังนั้นเด็กมหาลัยส่วนมากมักจะพากันมากินข้าวเที่ยง ผมเลยถูกเบียดจนแทบจะออกจากแถวจนต้องฝืนตัวเองให้มากที่สุด ก่อนที่จะอดได้กินข้าวเที่ยง แต่ก็ยังแพ้พ่ายกับแรงที่ดันมาจนเดินออกแถวแต่ก็มีคนมาดึงแขนเอาไว้ทำให้ผมไม่ต้องไปจูบพื้นโชว์ชาวบ้าน พอหันไปดูก็พบว่าทียืนต่อแถวอยู่ข้างหลังผมนี่เอง

            “พี่จะเอาอะไร?” ทีถามโดยที่มือยังจับแขนผมอยู่ เอ่อ....ผมยืนเองได้แล้วไม่ต้องจับก็ได้มั้ง

            “หมี่เหลืองต้มยำหมู” ผมก็บ้าจี้ไปตอบตามมันทำไมละเนี่ย

            “....พี่ไปหาที่นั่งเถอะครับ เดี๋ยวผมซื้อให้” ทีเดินขยับไปทีละนิดๆแต่มันก็ตัวใหญ่นี่หว่า ต่อให้ถูกเบียดยังไงก็คงไม่โดนดันออกจากแถวง่ายๆ ผมกะจะปฏิเสธแต่พอมองไปที่นั่งก็ต้องจำยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้ คนเยอะเพราะฉะนั้นต้องไปจองที่ก่อนที่จะไม่มีที่นั่งกินข้าว

            ผมเลยเดินออกจากแถวไปซื้อน้ำที่ร้านคนน้อยมาก แล้วก็หาโต๊ะนั่งสองคนสบายๆก่อนที่จะรอที ระหว่างรอก็หยิบโทรศัพท์มาเช็คแอพที่คนเข้าบ่อยมากที่สุด นั่นก็คือ เฟสบุ๊ค ตอนแรกก็ดูแจ้งเตือนแต่ก็ตาก็ดันไปเห็นเฟสของใครบางคนซะก่อน เลยถือโอกาสแอบส่อง ปกติผมก็ไม่ได้เข้ามาเล่นมันบ่อยๆดังนั้นการตามข่าวสารในโซเชียลก็ออกจะช้ากว่าชาวบ้านไปนานโขเลย

            เฟสของทีแทบจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นรูปกิจกรรมต่างๆที่ร่วมแล้วเพื่อนถ่ายรูปก็นำมาแท็กหน้าเฟส บางครั้งก็เจ้าตัวโพสสั้นๆไม่มาก ช่างเป็นเฟสที่ไม่มีอะไรเด่นเอาซะเลย แต่ว่าผมก็เผลอไปสะดุดกับโพสอันหนึ่งเข้า

                  TT Supachae

                       น่ารัก

                  ถูกใจ 158 ความคิดเห็น 3

            พอดูวันที่ก็ผ่านมาไม่นานนี่เอง....อยู่ๆในหัวผมก็นึกถึงน้องผู้หญิงที่คุยกับทีก่อนเข้ามาในโรงอาหารซะงั้น ใช่คนที่เขาพูดถึงหรือเปล่า หรือว่าพูดถึงสิ่งของ สิ่งที่เจอในวันนั้น ยิ่งคิดใจก็ยิ่งเจ็บแปล็บตามไปด้วย ไม่ชอบเลยแบบนี้ สมองก็คิดนั่นคิดนี้จนกระทั่งถ้วยก๋วยเตี๋ยวมาวางไว้ตรงหน้านะแหละถึงได้เงยหน้าจากโทรศัพท์

            “อ่า...ขอบคุณนะ” ผมขอบคุณเขาแล้วก็รับตะเกียบมาคีบเส้นเข้าปาก ไม่ต้องถามว่าทำไมผมไม่จ่ายเงินให้ที เพราะตั้งแต่มากินด้วยกันเนี่ย ทีไม่เคยให้ผมจ่ายเองเลยนะ น้องบอกว่าให้ผมติวก่อนสอบให้ก็พอ ไม่งั้นบางทีข้าวมื้อเย็นก็จะเป็นผมจ่ายบ้างเป็นครั้งคราว ถือว่าหายกันไป แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ว่า....เหมือนน้องมันจ่ายเยอะอยู่ดีแหละฟ่ะ..




                 

              
       
       
      มาต่อสั้นๆไม่ยาว เพราะแอบอู้งานอยู่ 5555 ยังไงก็ติชมเม้นหน่อยนะ
      ส่วนเรื่องยาว รอสิ้นเดือน พ.ค.ก่อนนะครับ จะตามมาลง <3

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×